Friday, August 26, 2016

ภาษาอังกฤษ 10 คำ ที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน




ทำไมภาษาอังกฤษจึงมีความสำคัญ ก็เพราะมีผู้คนมากมายทั่วโลกใช้ภาษาอังกฤษในการติดต่อสื่อสาร ถ้าเราใช้ภาษาอังกฤษได้คล่อง ก็จะทำให้เราเพิ่มโอกาสในการทำงานที่ติดต่อกับชาวต่างชาติ ทำให้เราได้ไปศึกษาต่อยังต่างประเทศได้ง่ายขึ้นนั่นเอง และการที่จะเก่งภาษาอังกฤษได้ เราก็ต้องหมั่นเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ วิธีใช้และแต่งประโยคเป็นอย่างดี  ไม่มีใครแก่เกินเรียน เริ่มกันตั้งแต่วันนี้นะ.....


Embarrass (v.)
คำอ่าน             เอ็มแบ๊รึ่ดซ
คำแปล            ทำให้ขวยเขิน
She gets embarrassed easily.
เธอรู้สึกอายได้อย่างง่ายดาย


Welcome (n.)
คำอ่าน               เว้ลคึ่ม
คำแปล               การต้อนรับ
You will receive a warm welcome.
คุณจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น


Journey (n.)
คำอ่าน               เจ๊อนิ
คำแปล              การเดินทาง
She made a long journey round the world.
เธอได้เดินทางที่ยาวนานไปทั่วโลก


Relief (n.)
คำอ่าน           รีลีบฟ
คำแปล           ความบรรเทาจากความเจ็บปวด
The medicine gave him some relief from headache.
ยานี้ช่วยให้เขาบรรเทาจากอาการปวดหัว


Break (v.)
คำอ่าน            เบร็ค
คำแปล            แตก หัก
I broke my left leg when I fell off the bicycle.
ขาซ้ายของฉันหัก เมื่อฉันตกจากจักรยาน


Divorce (v.)
คำอ่าน             ดิฝ้อดซ
คำแปล             หย่าร้าง
She divorced her husband.
เธอหย่ากับสามีของเธอ


Harm (v.)
คำอ่าน              ฮาม
คำแปล              ทำอันตราย
The small parts of toys can harm your baby.
ชิ้นส่วนเล็ก ๆ ของของเล่นสามารถเป็นอันตรายต่อลูกน้อยของคุณ


Shake (v.)
คำอ่าน                  เฌค
คำแปล                  ขจัด
I can't shake my disappointment that he belongs to her.
ฉันไม่สามารถขจัดความผิดหวังของฉันได้ ที่เขาเป็นของเธอ


Purpose (n.)
คำอ่าน                   เพ้อพึ่ดซ
คำแปล                   ความมุ่งหมาย เจตนา
What's the main purpose of this report?
อะไรคือวัตถุประสงค์หลักของรายงานชิ้นนี้


Begin (v.)
คำอ่าน                    บิกิน
คำแปล                    เริ่มต้น ตั้งต้น
The concert will begin at 07.00 p.m.
คอนเสิร์ตจะเริ่มในเวลา 19.00 น.


เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/827888344023429570/

No comments:

Post a Comment